8 ขั้นตอนที่ต้องทำ
เมื่ออีเมลโดนแฮก
ในปัจจุบันอีเมลนับเป็นช่องทางการติดต่อที่มีความสำคัญมากช่องทางหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อทางธุรกิจหรือจะใช้ในเรื่องส่วนตัว
และก็เป็นช่องทางที่แฮกเกอร์นิยมโจมตีด้วยเช่นกัน บทความนี้จะแนะนำขั้นตอนว่าต้องทำอย่างไรบ้างเมื่ออีเมลโดนแฮก
เริ่มต้นด้วย
ขั้นตอนที่ 1 เปลี่ยนรหัสผ่าน
สิ่งแรกที่ควรทำหลังจากที่คุณสามารถกลับเข้าใช้อีเมลของคุณได้อีกครั้งก็คือ
เปลี่ยนรหัสผ่าน เพื่อป้องกันไม่ให้แฮกเกอร์เข้ามาได้อีกครั้ง
โดยเปลี่ยนให้รหัสผ่านมีการคาดเดาที่ยากขึ้น
และต้องไม่เกี่ยวข้องกับรหัสผ่านอันเก่า (ไม่ใช้รหัสผ่านเดิม แต่เพิ่มแค่ตัวเลข)
ลองใช้ประโยคที่มีความหมายเช่น Today I will back home at 7:00 แทนที่คำ เป็น TIwbh@7:00 โดยให้รหัสผ่านของคุณนั้นมีทั้งตัวพิมพ์ใหญ่
ตัวพิมพ์เล็กและตัวเลข
ขั้นตอนที่ 2 กู้คืนบัญชีของคุณ
ในกรณีที่ไม่สามารถเข้าใช้อีเมลได้เลย
(โดนแฮกเกอร์เปลี่ยน Password ไปแล้ว)
จำเป็นจะต้องกู้คืนบัญชีผู้ใช้อีเมลของคุณโดยเลือกคลิกไปที่ ลืมรหัสผ่าน ในหน้าจอการเข้าระบบ
หรือใช้อีเมลสำรองเพื่อกู้คืนบัญชี โดยคุณต้องตอบคำถามที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัยให้ถูกต้องที่สุด
เพื่อยืนยันว่าคุณเป็นเจ้าของบัญชีผู้ใช้นี้จริงๆ สำหรับขั้นตอนในแต่ละ Email
Provider จะแตกต่างกันไป
สามารถเข้าดูรายละเอียดในแต่ละผู้ให้บริการตาม Link นี้ครับ Gmail, Outlook.com/Hotmail, Yahoo! และ AOL
ขั้นตอนที่ 3 เปิดใช้งานการ ยืนยันตัวตนแบบสองระดับ (Two-factor
authentication)
ตั้งค่าให้อีเมลของคุณให้มีการยืนยันตัวตน
นอกจากการใช้ Password เพียงอย่างเดียว
วิธีการยืนยันตัวตนแบบสองระดับจะทำให้เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณล็อกอินเข้าใช้อีเมล์จากเครื่องที่ไม่เคยเข้าใช้มาก่อน
จะต้องใส่ Password และจากนั้นต้องใส่ข้อความที่ได้รับจากโทรศัพท์มือถือ
หรือ Application ด้วยอีกขั้นตอนหนึ่ง
ขั้นตอนที่ 4 ตรวจสอบการตั้งค่าอีเมลของคุณ
ตรวจสอบการตั้งค่าอีเมลว่ามีการตั้งค่าให้ส่งต่ออีเมลไปที่อื่นนอกจากที่คุณตั้งไว้หรือไม่
เพราะบางครั้งแฮกเกอร์อาจเข้ามาแก้ไขให้ส่งต่ออีเมลที่คุณได้รับไปยังอีเมลของแฮกเกอร์
และต้องตรวจสอบ Email Signature ที่คุณตั้งไว้ในระบบ
ว่ามีการใส่ URL แปลกๆ ของ Hacker หรือเปล่า
และดูว่ามีการตั้งค่าให้อีเมลมีการช่วยตอบกลับอัตโนมัติหรือไม่
ไม่เช่นนั้น Hacker ก็จะเปลี่ยนระบบ
ตอบกลับอัตโนมัติ ให้กลายเป็นเครื่องส่ง Spam ชั้นดีนั่นเอง
ขั้นตอนที่ 5 สแกนมัลแวร์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ
สแกนไวรัสแบบเต็มรูปแบบด้วย
โปรแกรม Anti-Malware ถ้ายังไม่มีแนะนำให้ใช้โปรแกรม Malwarebytes (หรือในกรณีที่มีอยู่แล้ว
ก็ยังแนะนำให้ลองใช้โปรแกรม Malwarebytes สแกนใหม่อีกครั้ง)
และเมื่อสแกนและพบว่ามีมัลแวร์อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ แนะนำให้กลับไปแก้ไข
Password ตามข้อที่ 1 อีกครั้ง
ขั้นตอนที่ 6 หาสิ่งอื่นที่ได้รับการโจมตี
ผู้ใช้บางคนอาจจะเก็บรหัสผ่านโดยส่งอีเมล์
รหัสผ่านของตัวเองสำหรับเว็บอื่นๆ เข้าอีเมลของตัวเอง (อาจจะใช้วิธีตั้ง Label ใน Gmail)
ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ควรทำแต่ทำไปแล้ว
แฮกเกอร์อาจค้นหารหัสผ่านเหล่านี้ที่คุณบันทึกไว้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยควรเปลี่ยนรหัสผ่านในทุกบัญชีผู้ใช้ของคุณนี้ทันที
เพราะบาง ทีแฮกเกอร์อาจพยายามเข้าสู่ระบบอื่นๆ ของคุณจากข้อมูลที่คุณบันทึกไว้
ขั้นตอนที่ 7 แจ้งเพื่อนในรายชื่อผู้ติดต่ออีเมลว่าโดนแฮก
แจ้งรายชื่อผู้ติดต่อของคุณให้รู้ว่าอีเมลของคุณถูกแฮก
และไม่ควรเปิดอีเมลที่น่าสงสัยหรือคลิกลิงก์แปลกๆในอีเมล ที่เพิ่งได้รับจากคุณ
ถึงแม้เพื่อนส่วนใหญ่จะรู้อยู่แล้วว่าคนส่วนใหญ่อาจรู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่คุณแน่ๆ
ที่จะแนะนำให้พวกเขาซื้อไวอากร้าจากร้านขายยาออนไลน์ในอินเดีย
แต่บางคนอาจคิดเราจึงควรบอกเพื่อไม่ให้เค้าหลงเชื่อ
ขั้นตอนที่ 8 ป้องกันไม่ให้โดนแฮกอีก
ที่ผ่านมาแล้วนั้นให้แล้วไป
เมื่อแก้ไขตามขั้นตอนแล้ว เราควรระวังเรื่องที่จะเกิดในอนาคต เพื่อไม่ให้โดนแฮกอีก
สิ่งที่สำคัญก็คือควรระมัดระวังการใช้คอมพิวเตอร์สาธารณะเสมอ คิดก่อนใช้
เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าก่อนหน้านี้มีโปรแกรมอะไรติดตั้งมาเพื่อดักข้อมูลรหัสผ่านเราหรือเปล่า
และที่มองข้ามไม่ได้ก็คือฟรี Wi-Fi ที่ไม่น่าเชื่อถือ หลักๆ เพื่อป้องกันการโจมตีจากแฮกเกอร์
ควรใช้รหัสผ่านที่คาดเดายาก
หมั่นสแกนไวรัสและอัพเดตฐานข้อมูลไวรัสและแม้กระทั่งซอฟแวร์คอมพิวเตอร์ของคุณสม่ำเสมอ
เพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก